บนเส้นทางธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งมากมายด้วยผู้ให้บริการและรูปแบบผลิตภัณฑ์ นับว่า แข่งขันเสรีรุนแรง ประกอบกับช่วงนี้ เศรษฐกิจภาพรวมดูไม่ค่อยสดใสนัก และตลาดรถยนต์ใหม่อยู่ในทิศทางขาลงยังไม่เห็นแนวโน้มจะผงกหัวขึ้นง่ายๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ "กรุงศรี ออโต้" ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์รายใหญ่ และคร่ำหวอดมานานย่อท้อต่อการสานต่อความสำเร็จในธุรกิจ
ดังนั้น วันนี้ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" จะพาไปคุยกับ "ไพโรจน์ ชื่นครุฑ" ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ กรุงศรี ออโต้ ถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับคำแนะนำดีๆ ในการใช้บริการสินเชื่อยานยนต์
เส้นทางกรุงศรี ออโต้ในธุรกิจสินเชื่อยานยนต์
กรุงศรี ออโต้ เป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ที่บอกว่า เป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์มองในรูปแบบของการให้บริการครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงวันนี้ คำว่า ครบวงจรคือ ให้บริการสินเชื่อรถยนต์มาตั้งแต่จุดเริ่มต้น ขณะนั้น ให้สินเชื่อเฉพาะรถยนต์ใหม่ ขยับไปรถยนต์ใช้แล้ว หลังจากนั้น มองตลาดมอเตอร์ไซค์จึงเริ่มทำสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้มีบริการทั้งสินเชื่อรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งนี้ ไม่ใช่รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ใหม่อย่างเดียว ให้บริการทั้งรถใหม่และเก่า ดังนั้น ถือว่า ครบวงจรในส่วนของรถยนต์ทั้งหมดและมอเตอร์ไซค์ นอกจากนั้น ยังบริการต่อเนื่องไปถึงรถบรรทุก 10 ล้อ เพราะว่า เป็นการขนส่ง บางครั้งอีซูซุก็มีรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อด้วย เกิดเป็นบริการครบวงจรทุกผลิตภัณฑ์ในส่วนของยานยนต์
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องดีลเลอร์ไฟแนนซ์ซิ่งคือ ดีลเลอร์เวลาจะซื้อรถมาสต๊อกไว้ขายก็ต้องใช้สินเชื่อ ตรงนี้ เป็นอีกบริการหนึ่งที่กรุงศรี ออโต้ เน้นให้กับพาร์ทเนอร์ที่เป็นดีลเลอร์ทุกแบรนด์ และรวมถึงดีลเลอร์รถเก่า รวมทั้งให้บริการกับดีลเลอร์รถมอเตอร์ไซค์ด้วยนอกเหนือจากที่บอกเป็นผู้นำด้านสินเชื่อยานยนต์และให้บริการครบวงจรแล้ว ซึ่งความครบวงจรนั้น มีอีกจุดหนึ่งและโดดเด่นคือ ให้บริการสินเชื่อไปยังผู้บริโภคโดยตรง คือ กรุงศรี คาร์ ฟอร์ แคช โดยลูกค้าเจ้าของรถสามารถมาขอใช้บริการได้โดยตรง หรือ ไปเซเว่น อีเลฟเว่น หรือ ไปไปรษณีย์ก็ได้
อันนี้คือ การที่พูดถึงคำว่า เป็นผู้นำสินเชื่อยานยนต์ในไทยและครบวงจร อีกจุดเป็นไฮไลต์คือ เมื่อพูดว่า เป็นผู้นำสินเชื่อยานยนต์ กรุงศรี ออโต้ไม่ได้ทำเฉพาะเมืองไทย ขณะนี้ ขยับไปเปิดบริการที่ลาว เริ่มทำเป็นจอยเวนเจอร์กับพาร์ทเนอร์ที่ลาว เพิ่งเริ่มทำปีนี้ ปีแรก เริ่มให้บริการสินเชื่อรถใหม่เหมือนสมัยกรุงศรี ออโต้ เริ่มต้นเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ตรงนี้ เป็นอีกจุกหนึ่งที่บอกว่า การเป็นผู้นำนอกเหนือจากต้องครบวงจรในเรื่องสินเชื่อแล้วก็ออกไประดับโลก ขณะนี้ มองเออีซีก่อน
"ไพโรจน์ ชื่นครุฑ" ผู้บริการกรุงศรี ออโต้
เคล็ดไม่ลับทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
ปัจจัยที่ทำให้มาถึงจุดนี้ จุดที่อยากจะเน้นทำให้กรุงศรี ออโต้ มาถึงตรงนี้ได้เรื่องหนึ่งที่อยากจะไฮไลต์คือ สร้างความแตกต่าง แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกที่สร้างความแตกต่างเพราะว่า ธุรกิจสินเชื่อยานยนต์เริ่มจะอิ่มตัวทำอะไรก็ทำเหมือนกันหมดแล้ว จะขยายก็ขยายไปเกือบครบหมด ขณะนี้ ต้องขยายบริการหนีไปต่างประเทศ ดังนั้น จึงมีการสร้างความแตกต่าง เริ่มจากเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว มองว่า ทำอย่างไร กรุงศรี ออโต้ อยากจะเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาด เพราะการบอกว่า เป็นผู้นำสินเชื่อยานยนต์จับต้องไม่ค่อยได้ ดังนั้น ต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาด ซึ่งทำอะไรแล้วทำก่อน ทำอะไรแล้วคนอื่นทำตาม ดังนั้น ส่วนแรกจึงกำหนดจุดตรงนี้ ตั้งเป้าเลยว่า ทุกๆ ปี
เมื่อครั้งกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ต้องออกบริการอะไรที่เป็นสิ่งแตกต่างจากตลาด แต่ลูกค้าต้องการ และเป็นเทรนด์ใหม่ บริษัทฯ จะมีเหมือนกับบันไดทุกปีในส่วนของตนเอง ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1900 กว่าๆ ออกสินค้าอะไร วางเป้าหมายไว้ก่อน แต่ยังอยู่ในส่วนที่ว่า เป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดสร้างอะไรที่แตกต่าง ยกตัวอย่างช่วงที่บอกว่า สร้างการเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาด จากเดิมให้บริการสินเชื่อรถใหม่ แต่ในช่วงที่มีวิกฤติต้มยำกุ้งนั้น กรุงศรี ออโต้ เป็นบริษัทแรกทำแคปทีฟไฟแนนซ์ (ผู้ให้บริการสินเชื่อที่เป็นบริษัทลูกของค่ายรถยนต์) ให้นิสสัน ลิสซิ่ง มิตซูบิชิลิสซิ่ง บีเอ็มดับเบิลยูลิสซิ่ง ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีแคปทีปของตัวเอง บริษัทฯ เป็นผู้ทำให้ อันนี้ ถือว่า เป็นจุดที่สร้างความแตกต่างและเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดขึ้นมา
แจ้งเกิดสินเชื่อเพื่อคนมีรถ
อีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลต์คือ เมื่อก่อนสินเชื่อยานยนต์จะผ่านดีลเลอร์หมด กรุงศรี ออโต้เป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดคือ ตรงไปที่ยูสเซอร์ จึงสร้างตลาดที่เรียกว่า สินเชื่อเพื่อคนมีรถ จนเป็นคำใช้ติดตลาดมาตลอด แต่แบรนด์ของกรุงศรี ออโต้คือ กรุงศรี คาร์ ฟอร์ แคช ซึ่งเป็นแบรนด์แรก ตรงนี้ เป็นตัวอย่างให้เห็นในเรื่องที่เรียกว่า ผู้กำหนดทิศทางตลาด
มาถึงประเด็นสร้างความแตกต่างนั้น ต้องวางเป้าหมายว่า จะทำอะไร ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มองว่า ตลาดเริ่มอิ่มตัว ถ้ามองแบบนี้ จะมองแค่ว่า สร้างความแตกต่างในเรื่องหาสินค้า หรือ บริการใหม่ ดังนั้น เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา กรุงศรี ออโต้เริ่มปรับเปลี่ยนจากการที่ว่า เป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เปลี่ยนมาเป็นว่า จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า เพราะมองว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วจะสร้างคัสตอมเมอร์เซ็นทริกซิตี้ แต่เป็นคำที่จับต้องยากมาก พนักงานก็ไม่เข้าใจ แต่ถามว่า เป็นจุดที่สำคัญมาก เป็นจุดเปลี่ยนแปลงการที่จะคิด 4 พี หรือ 5 พี ให้มาอยู่ที่ลูกค้า จึงบอกว่า จะใช้ตัวนี้ แต่เปลี่ยนคำพูดจากคัสตอมเมอร์เซ็นทริกซิตี้ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ในองค์กรเข้าใจ คือ เป็นกลยุทธ์ CE คู๊ดคัสตอมเมอร์เอ็กซ์พีเรียน หรือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ย้อนกลับไปจุดที่ 2 แต่เป้าหมายยังเหมือนเดิมเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ยังกำหนดอีกว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทุกปีต้องออกอะไรใหม่ๆ ดังนั้น จะเห็นว่า สิ่งที่กรุงศรี ออโต้เปิดตัวสู่ตลาด ซึ่งเป็นรายแรกที่บอกว่า ถ้าคาร์ ฟอร์ แคชนั้น ไม่จำเป็นต้องมาขอที่สาขาก็ได้ ไม่ต้องโทรศัพท์มาที่เทเลเซล ไปเซเว่น อีเลฟเว่น ได้คาร์ ฟอร์ แคชเลย ก็เป็นรายแรกที่ทำ ซึ่งทำไมสินเชื่อยานยนต์ยิงตรงไปยังลูกค้ามาอยู่ที่คาร์ ฟอร์ แคช ทั้งนี้ มองตรงที่ว่า กลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า หรือ CE นั้น ทำงานด้วยการมองจุดทัชพอยท์ของลูกค้ากับเราทั้งหมด และสร้างมา สมมติมี 50-60 ทัชพอยท์ เลือกมาแค่ 15 ทัชพอยท์หลักแล้วจึงมาพบว่า ทำไมไม่ให้ลูกค้าไปใช้บริการที่เซเว่น อีเลฟเว่น เดี๋ยวนี้สะดวกและสบายมากขึ้น
"ไพโรจน์" กับความสำเร็จของกรุงศรี ออโต้
ไม่ต้องรอจันทร์-ศุกร์ หยุดเสาร์-อาทิตย์! ก็ขอสินเชื่อได้
ขณะเดียวกันบางเรื่องกรุงศรี ออโต้ ได้สร้างจากประสบการณ์ของลูกค้า กลยุทธ์ตัวนี้ ออกมาเป็นรูปธรรม ที่จะเห็นชัดๆ เป็นเซเว่นเดย์เซอร์วิส เมื่อก่อนไฟแนนซ์ทำงาน 5 วัน แต่ลูกค้าบอกผมหยุดวันเสาร์วันอาทิตย์ ทำไมไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อวันเสาร์วันอาทิตย์ได้ ดังนั้น จึงเปลี่ยนวิธีทำงานให้สามารถอนุมัติ หรือ ทำงานวันเสาร์วันอาทิตย์ได้ด้วย ลูกค้าสามารถรู้ผลออกรถได้ในวันเสาร์วันอาทิตย์ เรื่องนี้ เป็นเหมือนกับ 2 ภาค ที่แตกต่างกัน แต่วัตถุประสงค์มีอันเดียวคือ สร้างจุดต่าง มีเป้าหมายชัดเจนในแต่ละปี และเป็นเหมือนกับบิ๊กสวิง อะไรที่ออกมา จะต้องเป็นจุดสำคัญ ดังนั้น จึงอยากสรุปว่า ความสำเร็จที่กล่าวมาคือที่มาของการเป็นผู้นำในสินเชื่อยานยนต์ครบวงจรของกรุงศรี ออโต้ ซึ่งนอกจากตลาดเมืองไทยแล้วได้เริ่มขยายไปยังกลุ่มประเทศเออีซี ซึ่งการเป็นผู้นำพูดง่าย แต่ต้องมีวิธีทำงานชัดเจน
ต่อมาส่วนที่ 2 ซึ่งอยากจะบอกคือ รูปแบบที่ใช้ในการทำธุรกิจแบ่งเป็น 2 ภาคอีกเหมือนกัน ภาคแรกรูปแบบที่ใช้คือ ใช้โมเดล B to B กับ B to C โดย B to B เป็นเหมือนเทรดดิชันนอลของการให้สินเชื่อยานยนต์ เพราะสมัยก่อนยังไงก็ต้องไปดิวกับดีลเลอร์ ซึ่งดีลเลอร์ส่งลูกค้าให้ถึงได้ลูกค้า ดีลเลอร์จึงเป็นลูกค้าหลักของเราก่อน โดยโมเดลนี้ จะเห็นว่า มีการดูแลความสัมพันธ์กับดีลเลอร์ มีการสร้างโปรแกรม หรือ แคมเปญให้ดีลเลอร์ประทับใจ และส่งงานให้ จากจุดเริ่มต้นตรงนั้น มีรถใหม่ รถใช้แล้ว รถมอเตอร์ไซค์ แต่ว่า เมื่อ B to B นี้ ก็ต้องไปสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับผู้ผลิตรถยนต์ด้วย เช่น มิตซูบิชิ ผู้ผลิต และค่ายรถ ทำให้สร้างความแตกต่างได้ด้วยเหมือนกันดังที่ว่ามา
กรุงศรี ออโต้ เป็นรายแรกที่ทำโออีเอ็มให้ด้านลิสซิ่งเมื่อสัก 10 กว่าปีที่ผ่านมา และตัวนี้ ทำให้เปิดหัวดีลเลอร์ได้ก่อนใครเพื่อนทั่วประเทศ และเป็นรากฐานให้เรามาถึงทุกวันนี้ ตลอดจนสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ให้เรากับดีลเลอร์มานาน ถึงทุกวันนี้ แม้มีแคปทีฟเอง แต่ก็มีความจำกัดในการบริการในต่างจังหวัด แคปทีฟไฟแนนซ์เองในไทยจะไม่เหมือนกับที่อื่น ตรงนี้ เป็นยุคของ B to B จากยุค B to B เริ่มขยับมาเป็น B to C มองว่า ยังมีตลาดอีกตลาดหนึ่งที่ลูกค้ามีรถเป็นของตัวเอง แต่อยากได้เงินเอาไว้ไปต่อยอดธุรกิจ เอาไว้ทำอะไร ไม่ต้องไปเพอร์ซัลนอลโลนเสียดอกเบี้ย 28% หรือ 30% จึงมามองตรงนี้ ลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถสามารถมาใช้บริการสินเชื่อคาร์ ฟอร์ แคชกับเราได้ จึงเปิดตัวบริการนี้ ออกมาสู่ตลาด และเป็นที่ตอบรับเป็นอย่างดี และขณะนี้ เป็นโปรดักส์ที่ทุกรายค่อนข้างมีการแข่งขันรุนแรง ลูกค้าเองก็นำเงินไปใช้ ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอีและรีเทลมากกว่า ที่กล่าวมาเป็นยุคแรกรูปแบบเรายุคแรกมอง B to B กับ B to C อย่างไรก็ตาม คิดว่า ทีมงานก็คงภูมิใจว่า เข้าไป B to B ก่อนใคร คือยุคแรก
ส่วนยุคต่อมายุคที่ 2 จนถึงวันนี้ อยากจะไฮไลต์ 2 เรื่อง เรื่องแรก ยุคที่ 2 นี้ เป็นยุคที่กรุงศรี ออโต้เริ่มนำเอา CE มาใช้ คือบอกว่า สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าอย่างไร ยุคนี้ เป็นเรื่องสำคัญและเป็นความอยู่รอดของธุรกิจ เพราะว่า ลูกค้าไม่ได้มองว่า สินค้าบริการแตกต่างเท่าไร เพราะปัจจุบันทำเหมือนกัน เซอร์วิสแตกต่างกันเท่าไรไม่นานก็ทำเหมือนกัน มีช่องทางมากทำเซเว่น อีเลฟเว่นก็ไปทำตาม ต่อจากนี้ ต้องหันมามองว่า ทำอย่างไรที่จะมาสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าในทุกจุดบริการ หัวใจสำคัญคือ ต้องสร้างวัฒนธรรมในองค์กรก่อน ในส่วนพนักงานของกรุงศรี ออโต้ ถ้าเดินเข้ามาจะเห็นมีคำว่า CE ติดไว้ และคำว่า CE แปลว่า อะไร ชัดๆ มี 3 เรื่อง ทำให้เป็นเรื่องง่าย ต้องแคร์และเทกแคร์ลูกค้าอย่างดี
สุดท้ายเรื่องที่ 3 คือ ผู้ที่ทำงานต้องมีประสบการณ์ เรียกว่า ต้องมีเอ็กซ์พีเรียนซ์ที่จะเซอร์วิสลูกค้าในแต่ละงานที่รับผิดชอบอยู่ ดังนั้น เมื่อมีหัวใจ 3 เรื่องและสร้างวัฒนธรรมแล้วไปดูว่า จุดไหนที่จะต้องให้บริการเป็นคีย์หลักๆ ในทัชพอยท์ ตรงนี้ เป็นจุดเปลี่ยนของเราขณะนี้
"ไพโรจน์" กับประสบการณ์กว่า 20 ปี ในธุรกิจสินเชื่อยานยนต์
สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าขับเคลื่อนธุรกิจ
กรุงศรี ออโต้ให้ความสำคัญกับคำว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างมาก แล้วเริ่มทำให้เป็นแมคคานิกส์ มีคณะกรรมการ CE ที่จะมาดูว่า จุดบริการตรงไหนที่ปีนี้ จะให้การเน้น จะต้องทำอะไรในเรื่อง CE ข้างใน ซึ่งเป็นพนักงานของเราที่จะเซอร์วิสกันเอง หรือ CE ออกไปข้างนอก เริ่มมีโปรดักส์ออกไปในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปแล้ว อันนี้เป็นจุดหนึ่ง
ดิจิตอล-ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง อีกกลยุทธ์สำคัญก้าวไปข้างหน้า
อีกจุดหนึ่งนั้น กรุงศรี ออโต้ จะเน้นดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง คือ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งขณะนี้ เป็นคีย์ไฮไลต์แล้ว โดยจะพบว่า คนไทยเริ่มใช้แท็บเล็ต ใช้โมบายโฟน เวลาที่อยู่กับโมบายโฟนเยอะมาก และทุกอย่าง ทำอะไรอยู่ที่โมบายโฟนหมด เราเองก็เป็นเจ้าแรกๆ ที่นำเอาออนไลน์ หรือ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งมาใช้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคาร์ ฟอร์ แคชออนไลน์ ซึ่งช่วงแรกๆ พยายาม แต่ยังไม่เป็นอินเตอร์แอคทีฟ แค่ให้ข้อมูลอย่างเดียวก็ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ช่วงแรกไม่ได้คาดหวังจำนวนมูลค่ามากเท่าไร แต่ปีนี้ เริ่มเปลี่ยนเป็นอินเตอร์แอคทีฟ คือ สามารถเป็นการสื่อสารสองทางกับลูกค้าได้มากขึ้น ดังนั้น จึงเริ่มวัดเรื่องจำนวนมูลค่า
ล่าสุด มีการเปิดตัวเว็บไซต์ชื่อ กรุงศรีมาร์เก็ตดอทคอม ซึ่งไม่ได้ใช้เพียงกับกรุงศรี ออโต้อย่างเดียว โดยจะใช้กับสินค้าและบริการในแบงก์ด้วย ถ้าสินค้าและบริการไหนในแบงก์เหมาะสมสามารถนำมาลงได้ ซึ่งกรุงศรีมาร์เก็ตดอทคอมเริ่มต้นอยากทำให้กับพาร์ทเนอร์ที่เป็นดีลเลอร์รถใช้แล้ว เพราะเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างได้รับผลกระทบกับตลาด ไม่อยากให้ไปนั่งสร้างเว็บไซต์ขายรถเอง
ผุดตลาดซื้อขายรถออนไลน์ พร้อมคำแนะนำด้านสินเชื่อ
เราสร้างตลาดการขายรถคือ กลายเป็นออลอินวัน ขายรถได้ด้วย นำดีลเลอร์มาโพสต์ขายรถ หรือ แม้ไม่ใช่ดีลเลอร์ แต่เป็นลูกค้าเราเองสมัครเป็นสมาชิกอยากขายรถเก่าเอามาโพสต์ได้ด้วย ดังนั้น กลายเป็นตลาดการขายรถยนต์ บวกกับที่กรุงศรี ออโต้ใส่ในเรื่องสินเชื่อยานยนต์เข้าไปด้วย ใครสนใจมีให้ดู โพสต์ราคารถเท่านี้ ตรวจสอบดูได้เลยว่า อยากจะผ่อนเท่าไร มีรายได้เท่าไร ออกมาเป็นกราฟให้ดูง่ายๆ ว่าผ่อนต่อเดือนเท่าไร ยังไง จะใช้เวลากี่ปีจะเห็นภาพง่ายขึ้นและชัดเจนการสร้างเว็บไซต์ตัวนี้ ถือว่า เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพาร์ทเนอร์ที่เป็นดีลเลอร์ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่เป็นเอ็นยูสเซอร์ด้วย เพราะสามารถเข้ามาเว็บไซต์แล้วออลอินวัน ไม่เหมือนไปบางเว็บไซต์ที่ดูขายรถ เมื่อจะทำไฟแนนซ์ต้องโทรศัพท์หาบริษัทไฟแนนซ์ ตรงนี้ เป็นจุดหนึ่ง
เมื่อถึงตรงนี้ กรุงศรี ออโต้จะเน้นในเรื่อง CE และดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง เพราะ B to B หรือ B to C เป็นยุคแรก แต่ยุคปัจจุบันและอนาคตคือ ยุค CE กับเน้นดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง สรุปแนวทางการดำเนินธุรกิจของกรุงศรี ออโต้คร่าวๆ สั้นๆ มองว่า จากเดิมตลาดสินเชื่อยานยนต์เป็นตลาดจริงๆ เหมือนคอมมูนิตี้แล้ว เมื่อก่อนคิดว่า พัฒนาอะไรไปได้เรื่อยๆ มีรถใหม่ทำไมไม่ทำรถเก่า มีรถเก่าทำไมไม่ทำรถบรรทุก ไม่ทำมอเตอร์ไซค์ แต่ตอนนี้ มองว่า ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวในการที่จะเรียกว่า การสร้างให้ครบวงจร
ปีนี้ กรุงศรี ออโต้ จะรุกดิจิตอล-ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง
เรื่องสำคัญในแนวทางการดำเนินงานจึงมองเรื่องการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ามากกว่า ถ้าลูกค้ามีประสบการณ์ดีๆ กับกรุงศรี ออโต้ ไม่ว่าโปรดักส์ เซอร์วิส แต่หัวใจสำคัญคือ บริการและพนักงานในจุดทุกๆ ทัชพอยท์จะบอกต่อและกลับมาใช้บริการอีก เป็นการมองว่า ถ้าตลาดถึงจุดอิ่มตัว เริ่มเป็นคอมมูนิตี้แล้ว กลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าที่เรียกว่า CE จะเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าในอีก 5-6 ปี
มองหน้า-มองหลังธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ไทย
สภาพตลาดสินเชื่อยานยนต์ปัจจุบันในเรื่องของตลาดสินเชื่อยานยนต์คงทราบกันดีว่า เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ตกมาตลอด เค้กเล็กลงๆ ถึงปีหน้ามองแล้วก็ไม่ใหญ่ขึ้นคือ ถ้าเปรียบเป็นเค้กดีที่สุดคือ ก้อนเท่าปีนี้ หรือ แย่หน่อยอาจจะเล็กกว่าปีนี้ นิดหน่อย ดังนั้น คีย์สำคัญคือ ใครจะสามารถดึงมาร์เก็ตแชร์ดึงใจลูกค้า มาใช้บริการได้มากกว่าเป็นเรื่องสำคัญ
กรุงศรี ออโต้ ยังต้องดำเนินกลยุทธ์ มั่นใจว่า CE ของเราขับเคลื่อนให้สามารถสร้างมาร์เก็ตแชร์เหมือนปีนี้ ที่สร้างมา ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จปัจจัยแรกคือ 1. เปลี่ยนยุคจากยุคที่เรียกว่า กำหนดทิศทางตลาดเป็นยุคของการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตัวนี้ เป็นกลยุทธ์หลัก ยุคแรกของการเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างนวัตกรรม ขยายโปรดักส์ใหม่ ขยายช่องทางใหม่ แต่อย่างที่ว่า การแข่งขันทุกคนมีหมด เป็นแบงก์หมด ถึงจะไปก่อน ตรงนี้ ทีมเราก็ภูมิใจ แต่ตามกันได้หมด แต่ตรงนี้ คิดว่า เป็นความสำเร็จ เพราะว่า เริ่มปรับเปลี่ยนให้เป็น CE เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา และตัว CE เป็นเรื่องการความรู้สึกของลูกค้ากับแบรนด์ของเรา พร้อมกับการได้ทัชพนักงานและโปรดักส์ โดยที่ไม่ได้เอาแต่พูด แต่ทำด้วย
CE มีคณะกรรมการ มีการกำหนดเป้าหมาย มีแอมบาสเดอร์ ผู้จัดการสาขาเป็น CE แอมบาสเดอร์ เมื่อก่อนเป็น CE แบบท็อปดาวน์จากตนลงไป แต่ปีนี้ เปลี่ยนให้พนักงานเป็น CE แอมบาสเดอร์แล้วดึงขึ้นมาข้างบน เพราะพบลูกค้าจะรู้ว่า ทำอะไรได้ดีกว่า ในส่วนคัสตอมเมอร์เอ็กซ์พีเรียนซ์เราเลยต้องมี CE แทนที่จะเป็นโปรดักส์ หรือ เซอร์วิส
สิ่งสำคัญอีกอันหนึ่งคือ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง หรือ ดิจิตอลออนไลน์ จะมาฝังอยู่ในส่วนของ CE ด้วย ตรงนี้ คือปัจจัยแรกเมื่อมองภาพใหญ่ต้องรีบเปลี่ยนคือ องค์กรต้องรีบปรับเปลี่ยนให้ชัดเจนจะไปหลงระเริงกับการเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดแล้วทำแบบเดิมคงไม่ได้
คาร์ ฟอร์ แคช สินเชื่อเพื่อคนมีรถ
ไม่ลืมให้ความสำคัญกับทีมงานอีกหนึ่งหัวใจธุรกิจ
เรื่องที่ 2 หัวใจสำคัญคือ ทีมงานเรา เพราะทีมงานเป็นคนคิด ดังนั้น ทีมงานของต้องมีความเห็นร่วมกัน มองตลาดแล้วเปลี่ยนแปลงตลาด ดังนั้น ทีมค่อนข้างจะไดนามิก มองตลาดไปข้างหน้า แล้วเปลี่ยนตลาดและทัศนคติตัวเองด้วย ไม่ยึดติดที่ประสบความสำเร็จมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จะทำแบบเดิมไม่ได้ ลูกค้าชอบแบบเดิมเมื่อ 10 ปีก็ไม่ใช่ อีกเรื่องคือ ประสบการณ์ ทีมงานมีประสบการณ์ยาวนานมาก จะช่วยทำให้เมื่อมองภาพ แก้ปัญหา เวลาเซอร์วิสลูกค้า มองภาพ CE มองได้ชัดเจนขึ้น ทีมงานมี 2 เรื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญ
เทคโนโลยีช่วยให้ธุรกิจ-บริการง่ายขึ้น
สุดท้ายเป็นเรื่องของเทคโนโลยี คือเราเป็นรีเทล เป็นรีเทลไฟแนนซ์ หรือ จริงๆ แล้ว รีเทลเป็นเรื่องดีเทลมาก ถ้าเรื่องดีเทลเราไม่เอาเทคโนโลยีมาช่วยจะลำบากมาก ปัจจุบันกรุงศรี ออโต้ ใช้เทคโนโลยีถึงขนาดเซลถือแท็บเล็ตลิงก์ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งรู้เลยเมื่อลิงก์ลูกค้าเข้ามาจะรู้ก่อนว่า ลูกค้ารายนี้ จะต้องปรับเปลี่ยนเงื่อนไขยังไงถึงจะใกล้เคียงมากที่สุด ดีลเลอร์ก็จะชอบ เพราะเหมือนกับพอจะบอกคร่าวๆ ได้แล้ว ไม่เช่นนั้น เซลไม่สามารถพูดอะไรได้เลยต้องรอกลับเข้ามาที่เครดิต แต่เมื่อมีเทคโนโลยีตัวนี้ เรียกว่า ไอบัดดี้ ดังนั้น เซลสามารถยืนยันกลับมาได้ แล้วไม่ใช่แค่หน้างาน แต่ส่วนหลังคือ เครดิตก็มีเทคโนโลยีช่วยการดึงข้อมูล ลงข้อมูลทั้งหมดเข้ามาทำการเซอร์วิสไปจนถึงการเก็บเงินลูกค้า หรือ อะไรต่ออะไร จะนำเทคโนโลยีทั้งหมดมาใช้
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมา เป็นภาพรวมความสำเร็จจาก 3 เรื่องคือ เปลี่ยนจากการเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดเป็น CE ทีมงานมีประสบการณ์มองตลาดปรับเปลี่ยนตัวเอง และสุดท้ายคือ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง หรือ ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ที่กำลังเน้น
ผลประกอบการของกรุงศรี ออโต้
ผลประกอบการ 3 ไตรมาสของกรุงศรี ออโต้ หรือ 9 เดือนที่ผ่านมา บุ๊กไป มียอดสินเชื่อใหม่ทั้งหมด 85,000 ล้านบาท ถือว่าโตกว่าเมื่อปีที่แล้ว 14% ถือว่า สามารถเอาชนะตลาดได้ เพราะตลาดลบ 13-14% ซึ่งที่โต 14% นี้ เปรียบเทียบกับ 3 ไตรมาสของปีก่อน ถ้าดูขนาดของเราทั้งหมด หรือ ยอดสินเชื่อคงค้างรวม (NEA) ปิดอยู่ที่ 242,000 ล้านบาท ณ เมื่อไตรมาส 3 ซึ่งดูแล้วยอดสินเชื่อคงค้างรวมปิดดีกว่า สิ้นปีที่แล้ว 6% ถือว่า โตกว่า ทำให้สามารถสร้างมาร์เก็ตแชร์ได้มากขึ้นในปีนี้ ถ้าสิ้นปีกรุงศรี ออโต้จะปิดเท่าไร เมื่อดู 3 เดือนมานี้ แนวโน้มดีมากรถใหม่ขายดี อาจจะเป็นเรื่องภาษี หรือ อะไรหลายๆ อย่าง เลยมาดูตัวเลขเราจะปิดเท่าไร สิ้นปีจะปิดยอดสินเชื่อรถยนต์ทั้งหมดและมอเตอร์ไซค์ 124,000 ล้าน ดูแล้วจะโตกว่าปีที่แล้ว 14% เพราะปลายปีที่แล้วปิดที่ 100,000 ล้าน ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างจะปิดที่ 253,000 ล้านบาท ซึ่งเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่แล้วปิดที่ 229,000 ล้านบาท โต 6% ถือว่า เป็นผลการดำเนินงานที่ดีในสถานการณ์ตลาดที่ค่อนข้างจะชะลอลง
NPL ไม่น่าหนักใจ ไม่กังวล
ตัว NPL นั้น ตั้งเป้าไว้ว่า ห้ามเกิน 2% แต่ตอนนี้ อยู่ที่ 1.7% ยังควบคุมได้ดี อันนี้ เป็นสัญญาณว่า ทำไมยังโตได้มากขึ้น เพราะสามารถควบคุม NPL ได้ดี หลายๆ ที่มีกังวลเรื่อง NPL เลยยังโตออกไปข้างหน้าไม่ได้ ส่วนใหญ่ NPL เป็นลูกค้ากลุ่มไหนคร่าวๆ ลูกค้าของกรุงศรี ออโต้ แบ่งออกเป็นกลุ่มที่หนึ่งพนักงานประจำ กลุ่มที่สองทำงานอิสระ กลุ่มสามเอสเอ็มอี และกลุ่มสี่ข้าราชการ โดยจะมี 4 กลุ่มหลัก เพราะทำตลาดต่างจังหวัดมาก บางที่เป็นเกษตรกร หรือ ค้าขาย บางรายก็เหมือนกับมีรถแล้วไปค้าขายจริงๆ แล้วเรามอง NPL และปรับเปลี่ยนทุกเดือน โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าที่เป็นข้าราชการและพนักงานประจำ โดยหลักแล้ว NPL จะไม่ค่อยสูงเท่าไร แต่ภาคการเกษตรพอช่วงที่มีปัญหาเรื่องข้าว อาจจะสูงขึ้นมาบ้างก็ต้องดูแลว่า กลุ่มนี้ต้องปรับเปลี่ยนการทำการพิจารณา แต่ว่า พยายามทำมาได้ดีจนถึงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้ ไม่ค่อยได้กังวลเท่าไร ยังปล่อยไปตามเงื่อนไขปกติ
กรุงศรี ออโต้ มีหลายผลิตภัณฑ์ไว้บริการ
ตรงนี้ รวมถึงมอเตอร์ไซต์พอร์ตก็ค่อนข้างดี เลยทำให้มอเตอร์ไซค์ ซึ่งแม้เพิ่งเร่ิมทำตลาดมา 13 ปี แค่ทำได้ถึง 13,000 ล้านบาท เป็นเบอร์หนึ่งของตลาด โดยมอเตอร์ไซค์สิ่งสำคัญคือ การเก็บหนี้ ดูแลการเก็บหนี้ได้ดีมาก ทำให้เติบโตต่อไปเรื่อยๆ ล่าสุด เพิ่งทำแคมเปญไปเมื่องานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมา ตลาดมอเตอร์ไซค์ได้ยอดแอพพลิเคชั่นเข้ามากว่า 300 ล้านบาท
กระแสบิ๊กไบค์มาแรงจริง
เจาะจงจำเพาะสินเชื่อมอเตอร์ไซค์แยกเป็นบิ๊กไบค์จำนวนมาก ตรงนี้ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งเหมือนกัน เมื่อก่อนทำมอเตอร์ไซค์ปกติ จนเมื่อช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เริ่มขยับมาทำบิ๊กไบค์เป็นรายแรกๆ และเพราะบิ๊กไบค์ทำให้ขนาดสินเชื่อใหญ่ด้วย ทำให้พอร์ตดี กลุ่มลูกค้าต่างกัน บิ๊กไบค์เหมือนของพรีเมียมสำหรับผู้ที่พอมีรายได้ ทำให้สามารถทำ 2 ส่วน ดังนี้ 1. สามารถบริหารหนี้ได้ และ 2. โตได้เป็นที่ 1 มาถึง 2 ปีแล้ว ถ้าเปรียบเทียบรายที่ทำออนไลน์ไฟแนนซ์ในตลาดหลักทรัพย์กรุงศรี ออโต้ก็มีขนาดใหญ่ที่สุด
ปี 2559 ธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ไม่แย่กว่าเดิม
ภาพรวมของตลาดสินเชื่อยานยนต์ถ้ามองปี 2559 ต้องดูตลาดรถยนต์ก่อน คิดว่า ขนาดคงไม่ต่างจากปีนี้ ที่บอกว่า ไม่ต่างจากปีนี้ คิดว่า อันดับแรกผู้ผลิตคงเข้ามาช่วยสนับสนุนบ้างในเรื่องของราคารถยนต์ที่จะเพิ่มขึ้น ถ้าเพิ่มคงไม่เพิ่มมากเท่าไร แล้วผู้ผลิตคงเริ่มไปพัฒนานวัตกรรมในเรื่องมลภาวะ ดังนั้น รถยนต์อาจจะเริ่มมีเทคโนโลยีในการดูแลและกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น โปรโมชั่น หรือ แคมเปญ ผู้ผลิตคงพยายามจะเน้นเข้ามาเพื่อให้เค้กก้อนนี้ ไม่เล็กไปกว่าปีนี้
สองถ้าโตได้มากกว่าปีนี้ คิดว่าทุกๆ รายจะมีส่วนแบ่งการตลาดได้ดีมากขึ้น มองเฉพาะตลาดมอเตอร์ไซค์นั้น ยังคิดว่าสามารถโตได้อีก 2% คิดว่า เป็นจุดที่ดี เพราะว่า นโยบายรัฐบาล หรืออะไรต่ออะไรที่จะสร้างนู้นสร้างนี่ในต่างจังหวัด โดยคนอาจมีรายได้ที่จะมาซื้อมอเตอร์ไซค์มากขึ้น เริ่มจากมอเตอร์ไซค์ก่อน ส่วนตลาดของปีหน้าต้องมองว่า หนี้ครัวเรือนเป็นอย่างไร แต่มองอีกด้านพบว่า หนี้ครัวเรือนก็ยังไม่ลดลงต่ำมากแต่ละไฟแนนซ์รวมทั้งกรุงศรี ออโต้ ก็ต้องมาดูแลเรื่องการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดด้วยเหมือนกัน เพราะว่าจะได้โตแบบที่ไม่ต้องมานั่งกังวลข้างหลังมากเท่าไร
อ่านตรงนี้! ติดเครดิตบูโรจะขอสินเชื่อต้องทำอย่างไร
การใช้สินเชื่อกรุงศรี ออโต้ กรณีติดบูโรอันดับแรกนั้น ควรจะต้องบริหารในเรื่องการชำระหนี้ ไม่เฉพาะแค่กรุงศรี ออโต้ แต่รวมถึงธนาคารอะไรก็ตาม เพราะปัจจุบันมีเครดิตบูโร คือ พยายามดูแลเครดิตของตนเองให้ดี ประเด็นนี้ อันดับแรกเลย เพราะปัจจุบันไทยเป็นสากลแล้ว ทุกอย่างที่ทำออกมามาตรฐานสากลหมด ทั้งการใช้บัตรเครดิต การใช้หนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งพฤติกรรมเราจ่ายหรือไม่ คิดว่า อย่างน้อยถ้าไม่มีจ่ายควรเข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ เพราะบางครั้งในเครดิตบูโรสามารถบอกได้ว่า มาติดต่อแล้ว หรือ อะไรต่ออะไรได้
13 ปี กรุงศรี มอเตอร์ไซค์
ตรงนี้ เป็นเรื่องการสร้างเครดิตและเป็นหัวใจหลัก ซึ่งดีกับทั้งตัวลูกค้าด้วยและดีกับสถาบันการเงินเพราะกรุงศรี ออโต้ ก็เป็นกลุ่มธนาคารรับเงินฝากก็ต้องบริหารความเสี่ยงของผู้ที่ฝากเงินด้วย เป็นวินๆ คือ สร้างเครดิตให้กับตัวเองก่อนในการจะใช้สินเชื่อ ไม่ว่าสินเชื่ออะไรก็ตาม
เรื่องที่สองทำความเข้าใจในการใช้สินเชื่อยานยนต์ ถ้าสมมติว่า จะใช้รถใหม่กรุงศรี ออโต้ มีแคมเปญเยอะมาก บางแคมเปญไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน บางแคมเปญสามารถผ่อนได้ยาวหน่อย อย่าไปฝืน บางครั้งบางคนบอกจะผ่อนแค่ 3 ปี อยากให้หมดเร็วๆ แต่ว่า ต้องผ่อนเยอะมาก แต่ละเดือน 50,000 บาท ซึ่งเดี๋ยวนี้ ให้ผ่อนได้ถึง 84 เดือน ผ่อนไป 6 ปีก็ได้ แล้วผ่อน 25,000 บาทพอ ดังนั้น ควรดูความสามารถของตนเอง สรุปคือ ดูความสามารถของตนเองให้เหมาะกับสินเชื่อ กรุงศรี ออโต้ มีหลากหลาย กระทั่งมีระบบผ่อนจ่ายบอลลูน คือ จ่ายแรกๆ น้อยหน่อย แต่ไปจ่ายช่วงหลังสูงหน่อย ปัจจุบันต่างประเทศก็ทำแบบนี้หมด บางทีผ่อนไป 4 ปีแล้ว จ่ายบอลลูน ซึ่งอาจจะเป็น 25% ของราคารถ ซึ่ง 5 ปีแล้วเวลาจะมาจ่ายขายก็ได้ แล้วโอ
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด