ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ Gen Z ตระหนักรู้ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ยอมอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อจิตใจตนเอง และหาวิธีการป้องกันหรือดูแลสุขภาพจิตของตนเองมากกว่าคนสมัยก่อน หากเลือกทำงานก็จะเลือกองค์กรที่อยู่แล้วสบายใจ มีสวัสดิการพนักงานที่ตอบโจทย์ หรือหากสภาพแวดล้อมองค์กรย่ำแย่ ก็สามารถตัดสินใจลาออกได้ทันที
การเปลี่ยนแปลงมากมายของโลก ทำให้ปัจจุบันมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ สังคม ความสัมพันธ์ ที่ Toxic มากกว่าเดิม องค์กรควรที่จะใส่ใจในเรื่องนี้ไม่น้อยกว่าเรื่องไหนเลย เพื่อเป็นการรักษาและดูแลพนักงานในองค์กร
และนี่คือส่วนหนึ่งของสวัสดิการที่ส่งเสริมด้านสุขภาพจิต โดนใจเด็กรุ่นใหม่
1 ค่าล่วงเวลาตามกฎหมาย โบนัสทุกปี ถือเป็นสวัสดิการพนักงานขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ คนทำงานหนักต้องได้รับการตอบแทน พนักงานต้องไม่โดนองค์กรเอาเปรียบ เด็กรุ่นใหม่มีความรู้ รู้ทันองค์กร และมีนิสัยไม่ยอม หากโดนเอาเปรียบ ไม่ได้ในสิ่งที่ตนควรได้ พนักงานลาออก องค์กรอาจจะเสียพนักงานที่มีคุณภาพ
2 รูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เด็กรุ่นใหม่ มีทักษะ กระบวนการ ทั้งการทำงาน ความคิด ที่ล้ำสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าของโลกและเทคโนโลยี ดังนั้น องค์กรไม่ควรที่จะบีบคนทำงานด้วยรูปแบบการทำงานเก่าๆ หรือความคิดเดิมๆ เช่น Work from home ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเข้าประชุม เวลาเข้าออกงาน ทำงานน้อยแต่ได้ประสิทธิภาพมาก เพื่อให้พนักงานได้แสดงศักยภาพของตนเองมากขึ้น องค์กรอาจจะได้งานที่ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือมีรูปแบบที่ดีกว่าเดิม
3 พื้นที่ผ่อนคลายในที่ทำงาน เช่น คาเฟ่ในที่ทำงาน สวนให้นั่งเล่น ห้องให้ระบายความรู้สึก เพื่อให้พนักงานได้ผ่อนคลาย อยู่กับตัวเองมากขึ้น ให้มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนทำงาน ป้องกันการเก็บกด ภาวะหมดไฟ สุขภาพจิตที่ย่ำแย่ให้กับพนักงาน ภายในที่ทำงาน
4 ระบบการดูแล ให้คำปรึกษา ติดตามสุขภาพจิต องค์กรไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพนักงานแต่ละคนมีสุขภาพทางจิตเป็นอย่างไร ดี หรือ แย่ ดังนั้นควรที่จะมีการติดตาม การให้คำปรึกษาอยู่ตลอด โดยจากนักจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญ มาร่วมพูดคุย เพื่อดูแลสุขภาพทางจิตใจอย่างต่อเนื่อง
5 การประเมินและรักษาด้านกายภาพบำบัด สุขภาพทางกายสำคัญไม่แพ้สุขภาพทางจิต หากพนักงานมีสุขภาพทางจิตใจที่ดีพร้อมทำงาน แต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย งานก็ไม่สามารถสำเร็จได้ และยิ่งปัจจุบัน คนทำงานมีปัญหาเรื่อง Office syndrome มากขึ้น องค์กรจึงควรที่จะใส่ใจในเรื่องนี้
6 การพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน เด็ก Gen Z เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถรอบด้าน สามารถทำงานในองค์กรได้หลากหลาย ยิ่งองค์กรใส่ใจพนักงาน และให้ความสำคัญกับทักษะเฉพาะด้าน เช่น การพูด บุคลิกภาพ ภาษา อาจจะพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงาน และคนทำงานยังรู้สึกว่าโดนใส่ใจ มองว่าองค์กรมอบโอกาสที่ดีให้กับตน พนักงานก็จะรักองค์กรมากขึ้นอีกด้วย
7 ค่าตอบแทนพิเศษ เมื่อต้องทำงานเกินขอบเขต เวลาของทุกคนย่อมมีค่า ไม่ใช่เฉพาะเวลาของงาน องค์กรควรให้ความสำคัญในข้อนี้ เด็ก Gen Z สามารถทุ่มเทกับงานได้ ถ้าองค์กรก็ทุ่มเทให้กับเขาเช่นกัน คนรุ่นใหม่มีความคิดที่ให้ความสำคัญกับตนเองมากกว่างาน จะทำงานตามขอบเขตทั้งเวลา เงิน หน้าที่ที่ตนเองได้รับเท่านั้น หากเกินนั้นจะรู้สึกว่าไม่คุ้ม ไม่จำเป็น องค์กรเอาเปรียบ และต่อต้านองค์กรทันที
8 รางวัลสำหรับพนักงานที่สร้างผลงานโดดเด่น เป็น 1 ใน จิตวิทยา ที่จะทำให้คนทำงานรู้สึกถึงคุณค่าของงานและตัวเองมากขึ้น นอกจากจะรู้สึกใจฟูที่องค์กรเห็นค่าของพนักงาน ยังทำให้รู้สึกอยากที่จะอุทิศตนทำงานเพื่อองค์กรมากขึ้น
สุขภาพจิต เป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำงาน ที่หากสุขภาพจิตย่ำแย่ สามารถส่งผลให้ คนทำงาน ไม่พร้อมที่จะทำงาน ทำงานออกมาได้แย่ หรือไม่สามารถทำงานต่อได้นั่นเอง ดังนั้นองค์กรต้องมีสวัสดิการพนักงานที่ตอบโจทย์ทางด้านสุขภาพจิตให้กับคนทำงาน การที่องค์กรใส่ใจเรื่องสุขภาพจิตของคนทำงาน ทำให้พนักงานได้รับความเอาใจใส่ที่ดีต่อจิตใจ งานที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถทำให้พนักงานที่มีคุณภาพอยู่ต่อไป ไม่ลาออกนั่นเอง
สอบถามเพิ่มเติมสำหรับ HR : hrbuddybyjobbkk@gmail.com
อัปเดตความรู้สำหรับคนหางาน คนทำงาน สามารถติดตามได้ที่ https://jobbkk.com/go/kr0ws
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด