มันมาแล้ว!! "ยุคตัวกูของกู" เต็มรูปแบบ

  • 11 พ.ค. 2563
  • 1352
หางาน,สมัครงาน,งาน,มันมาแล้ว!!

ผลการวิจัย 8 ค่านิยมของคนไทยในปี 2015 ซึ่งจัดทำโดย “เอ็นไวโรเซล ไทยแลนด์” ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งสัญญาณมาแต่ไกลว่า สังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ “ยุคตัวกูของกู” และยิ่งนับวันคงหาคนไทยที่คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าความสุขส่วนตัวได้ยากเย็นเต็มที

ค่านิยมมาแรงจนน่าเป็นห่วงคือ “รวยลัด “RICHFICIENCY” RICH+SUFFICIENCY” จะเห็นได้ว่าหนังสือติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ขายดิบขายดีในยุคนี้ จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับเคล็ดลับการสร้างความมั่งคั่ง และแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ แม้แต่ในงาน Money Expo ครั้งล่าสุด ผู้เข้าร่วมงานก็มีอายุน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด คนไทยยุคนี้ยังเปลี่ยนความสนใจจากการลงทุนในธุรกิจและอยากเป็นเจ้าของกิจการ หันมาศึกษาลงทุนในตลาดหุ้นแทน เพราะเห็นตัวอย่างของนักเล่นหุ้นรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ กระนั้น ความรวยที่คนรุ่นใหม่ใฝ่หาเป็นความรวยแบบฉาบฉวยชั่วข้ามคืน ต้องการรวยแบบด่วนๆ แต่ไม่ได้ฝันถึงขนาดมีเงินพันล้าน แค่อยากมีกินมีใช้และท่องเที่ยวลั้ลลา แนวโน้มที่ตามมาก็คือ ตลาดแรงงานจะเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างสิ้นเชิง ในอีก 6 ปีข้างหน้าจะหาคนทำงานเป็นพนักงานประจำได้ยากขึ้น เพราะคนยุคใหม่นิยมทำงานฟรีแลนซ์และพาร์ตไทม์มากกว่า

ค่านิยมที่ตอกย้ำความฉาบฉวยของสังคมไทยคือ “งามภายนอก “EXTHETIC” EXTERNAL+AESTHETIC” คนสมัยนี้ไม่เห็นคุณค่าความงามภายใน แต่ให้ความสำคัญกับความงามภายนอก ซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าด้านอาชีพการงาน และการเป็นที่ยอมรับของสังคม แนวโน้มนี้ทำให้ ธุรกิจเสริมความงามต่างๆ เติบโตคึกคัก เช่นเดียวกับแอพพลิเคชั่นเสริมแต่งรูปภาพที่กลายเป็นอุปกรณ์ขาดไม่ได้ของคนยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ก็เพราะถือคติตัวกูของกู คนสมัยนี้จึงมีค่านิยม “ช่วยเหลือตัวเอง (ไม่พึ่งพา) หรือ “YELP” Help Yourself” ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้สามารถทำกิจกรรมหลายอย่างได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น ไม้ถ่ายรูปเซลฟี่, แอพพลิเคชั่นค้นหาเส้นทางท่องเที่ยว หรือแม้แต่ google ที่มีคำตอบทุกอย่างในโลกรวมไว้ที่เดียว ในเมื่อไม่ต้องพึ่งพิงใครมาก เด็กรุ่นใหม่ จึงมีความแข็งกระด้าง ไม่ยอมโอนอ่อนให้ใครง่ายๆ เมื่อก่อนมีอะไร เด็กอาจปรึกษาพ่อแม่ แต่ทุกวันนี้ยกให้อากู๋เป็นที่หนึ่งในดวงใจ

คนสมัยนี้แต่งงานกันน้อยลง แต่อัตราหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้น เพราะมีค่านิยม “ไม่ผูกมัด “NOBLIGATION” NO+OBLIGATION” ผู้คนมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น จึงชอบอะไรที่มาเร็วเคลมเร็ว แม้แต่ในเชิงการตลาด ผู้บริโภคยุคใหม่ก็ไม่ชอบการผูกมัดระยะยาวและเบื่อง่าย เพราะมองหาแต่ข้อมูลใหม่ๆตลอดเวลา อะไรที่นำเสนอเนื้อหายืดยาดเยิ่นเย้อไม่กระชับ โดยเฉพาะทีวีดิจิตอล ก็เตรียมม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย

ผู้บริโภคยุคใหม่ฉลาดเป็นกรด จึงชื่นชอบอะไรที่ “เปิดเผย ชัดเจน อย่าปิดบัง “SINCLEAR” SINCERE+CLEAR” จะเห็นว่าทุกวันนี้ผู้บริโภคเชื่อรีวิวจากประสบการณ์จริง มากกว่าโฆษณาที่ถูกปรุงแต่งมาแล้ว เรามีนักสืบพันทิปคอยเสาะแสวงหาความจริงในสังคม และพร้อมร่วมด้วยช่วยกันตีแผ่พวกลวงโลกลวงสังคม

โลกทั้งใบถูกหลอมรวมเป็นโลกใบเดียวกันไปแล้ว จนเกิดค่านิยม “วัฒนธรรมเดียวกัน “BLENDSO” BLENDED+ SOCIETY” ปัจจุบันเรามีวัฒนธรรมเดียวกันทั่วโลก เช่น K-Pop ที่โด่งดังมาก หรือกระแส Ice Bucket Challenge ที่แพร่สะพัดจากอเมริกาไปทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็ว ข้อดีของเทรนด์นี้คือ สามารถทำการตลาดด้วยคอนเซปต์เดียวกันทั้งโลก แต่ก็มีข้อเสียเพราะทำให้ขาดเอกลักษณ์ของแต่ละสังคม

คิดจะเอาชนะใจผู้บริโภคยุคใหม่ ต้องตีโจทย์ 2 ค่านิยมนี้ให้แตกกระจุยคือ “ซื้อน้อยแต่ได้เยอะ “EASEMORE” EASY+MORE” สินค้าชิ้นเดียวจะต้องทำหน้าที่สารพัดประโยชน์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ขณะเดียวกัน ก็ต้อง “มาตรฐานสูง “SUPERGENIC” SUPER+GENIC” นอกจากจะแข่งเรื่องคุณภาพสินค้าแล้ว สิ่งที่ต้อง คำนึงถึงคือบริการน่าพึงพอใจ ที่จะมัดใจพวกเขาให้อยู่หมัด!!

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top