อีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาหรือที่เพิ่งจบใหม่และกำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งก็คือ คุณสมบัติหรือคนแบบไหนที่จะอยู่รอดในยุคดิจิทัล ? และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นฮอตที่ถูกพูดในงานสุด Exclusive : TeC 2018 ประสบการณ์จริง จากคนดิจิทัล ที่จัดขึ้น ณ Central Plaza Westgate ชั้น 4 Hall Westgate เมื่อวันที่ 28 - 30 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา
แต่ถ้าใครพลาดงานนี้ ไม่ต้องเสียใจครับ เพราะ JOBBKK.COM ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญจาก ผศ.ดร.ธิริน วาณิชเสนี Chief Business Development Officer, eTouch ซึ่งเป็น Official authorized partner of Alibaba.com ในประเทศไทย และเป็นบริษัทฯ ในเครือมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทั้งยังเป็น Certified Alibaba Trainer ที่ได้รับการรับรองจาก Alibaba Group และเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และกรรมการในคณะกรรมการ e-commerce สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มาไว้ในบทความนี้แล้ว
ใครไม่อยากตกงานในยุคดิจิทัล ห้ามพลาดนะครับ !!!
มหาวิทยาลัยปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลอย่างไร ?
ในฐานะผู้ผลิตนักศึกษา สิ่งแรกที่จะบอก ณ ปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยได้ปรับตัวกันเยอะมาก เอาเป็นว่า ตามที่ผมรู้และเกี่ยวข้องอยู่ก็คือ มหาวิทยาลัยหอการค้า เราได้ปรับปรุงหลักสูตรตั้งแต่เรื่องของดิจิทัลและ E-Commerce ก็ได้ถูกผนวกเข้ามาในคณะที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เราเริ่มใช้หลักสูตรนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนี้เราก็จะเพิ่มอีก อย่างตอนนี้เราก็เริ่มให้นักศึกษาได้เรียนรู้หลักการและวิธีการ coding เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในยุคดิจิทัลได้มากขึ้น รวมถึงการใช้เครื่องมือการสื่อสารทางดิจิทัลต่างๆ ก็ถูกผนวกเข้าไปในสาขา Marketing อย่างชัดเจน
อีกอย่างนึงก็คือ มหาวิทยาลัยเริ่มกระบวนการสหกิจมาตั้งนานแล้ว หมายความว่า เราต้องให้นักศึกษามีโอกาสได้ไปสัมผัสการทำงานก่อนจบ ซึ่งเดิมสมัยรุ่นผม เราไปสหกิจหรือไปฝึกกงานก่อนจบแค่เดือนเดียว แต่เดี๋ยวนี้เราให้ไปทั้ง Semester เลย คือประมาณเกือบ 4 เดือน ซึ่งเทรนด์ตอนนี้ นักศึกษาอยากฝึกงานกับธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น เราก็พยายามให้เขาได้ใช้ความสามารถเต็มที่
First Jobber ควรทำงานอย่างไรให้ถูกใจผู้บริหาร ?
มันมีคำว่า Entrepreneurship และมีคำว่า Intrapreneurship ถ้าเป็น Entrepreneurship ก็อาจจะเป็นผู้ประกอบการ เป็น Owner เลย แต่ถ้าเราใช้ Intrapreneurship ก็หมายความว่า ลูกจ้างที่มี Self-initiative (การคิดริเริ่มด้วยตนเอง) สามารถคิดอะไรเหมือนกับเป็น Owner เขาจะเปรียบเสมือนว่า ถึงแม้จะเป็นลูกจ้าง เขาจะรู้สึกมีความเป็นเจ้าของบริษัทด้วย ซึ่งตรงนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเป็นจุดสำคัญมากของคนที่จะเข้าไปทำงาน
เสริมอีกก็คือ องค์กรใหญ่กับองค์กรเล็ก มันอาจจะไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นองค์กรใหญ่อาจจะไม่มีโอกาสสัมผัสกับเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูง สิ่งสำคัญเมื่อ First Jobber เข้าไปทำงาน คืออยากให้ศึกษาวัฒนธรรมองค์กรด้วย ว่าวัฒนธรรมของเขาเป็นยังไง ? แล้ว Future Expectation (สิ่งที่คาดหวังในอนาคต)ของผู้บริหารคืออะไร ? เพื่อให้เราเข้ากับวัฒนธรรมองค์กร
แต่องค์กรแบบเก่า บางทีก็เป็น Based on Routine Job แต่คุณอย่าปล่อยให้ Routine Job มากลืนตัวคุณ เพราะถ้ามันกลืนตัวคุณเมื่อไร ความเป็น Intrapreneurship มันจะหายไป และยังจะทำให้เราไม่มี Initiative และเกิด Territory (การกำหนดพื้นที่ของตนเอง) ขึ้นมา ส่งผลให้เกิดการทำงานกันแบบ Silo ที่จะทำให้การดำเนินการขององค์กรยากลำบากมาก เพราะฉะนั้น ต้องมีความเป็น Intrapreneurship มีการทำงานแบบ Lean และรู้ Expectation ของผู้บริหารด้วย
ทิศทางการทำงานด้านดิจิทัลในปี 2019
จริงๆ เรื่องของดิจิทัล มันเข้ามาในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอิทธิพลจากมือถือ เหมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายแล้ว มันยิ่งกว่ากระเป๋าตังค์อีก ถ้าออกจากบ้านแล้วลืมกระเป๋าตังค์ไม่เท่าไร แต่ถ้าเป็นมือถือนี่เรื่องใหญ่มาก ดังนั้น ทุกองค์กรก็กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งนโยบายรัฐบาลก็มีชัดเจนอยู่แล้ว
เทรนด์ในปี 2019 ก็คือการนำ E-Business มาใช้ในการปรับองค์กรมากขึ้นอย่างแน่นอน จึงเป็นโอกาสของคนเก่งด้านดิจิทัล เพราะทุกองค์กรหลีกหนีดิจิทัลไม่ได้
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าทุกองค์กรที่เป็นองค์กรใหญ่ๆ เขาจะปรับตัวได้ทันที เพราะมันต้องมี Process ภายในอีกหลายอย่างที่มันจะทำให้เขาสามารถ transform ไปดิจิทัลได้ และคนที่จะเข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเป็น Gen Y ซึ่งพวกเขาก็โตมากับดิจิทัจ ก็ไม่น่าจะเป็นห่วงเท่าไร
คนแบบไหนที่จะอยู่รอดในยุคดิจิทัล ?
ถ้าเป็น Gen Y ในเรื่องการใช้เครื่องมือและ Platform ต่างๆ ในยุคดิจิทัล เขาไวมาก เรื่อง Skills ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไร แต่เขาจะต้อง รู้วิธีการเรียนรู้ เพราะถ้ารู้แล้ว องค์ความรู้ที่ได้มา หลังจากที่ผ่าน Process ของการเรียนรู้แล้ว มันจะเป็นองค์ความรู้ที่น่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง เพราะข้อมูลต่างๆที่อยู่ในโลกของ Social Media ณ ปัจจุบัน มันมีทั้งจริงและไม่จริง มีคนที่นำเครื่องมือสื่อสารพวกนี้ไปใช้ทั้งในทางที่ถูกและผิด จึงอยู่ที่ว่าจะนำความรู้ในโลก Online ต่างๆนี้ ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ? ฉะนั้นจึงต้องมีกระบวนการในการเรียนรู้ ซึ่งถ้าพูดกันง่ายๆ มันก็คือ Research + Technology ซึ่งในมุมมองของผู้ผลิตเด็ก ผมมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องให้กับเด็กในปัจจุบันนี้ ไม่งั้นเขาจะเสพย์อะไรก็ได้ แล้วก็จะหลงทางได้ง่ายมาก เพราะสื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้หมด
ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือ Research + Technology คุณจะนำข้อมูลมากลั่นกรองและพัฒนาต่ออย่างไร ?
อีกสิ่งนึงที่อยากฝากก็คือ อะไรที่เราคิดไม่เหมือนคนอื่น ไม่ได้แปลว่าเราผิดนะครับ แต่เราก็ต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ด้วย ซึ่งมันก็ต้องมีวิธีการ Present ดังนั้น Communication Skills กับมนุษย์ด้วยกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กยุคใหม่อาจจะขาดเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูล : ผศ.ดร.ธิริน วาณิชเสนี / Thailand e-business centre - Tec
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด